เรื่องย่อ Luca (2021) ลูก้า
โดยเนื้อเรื่องแล้ว ‘LUCA’ แทบจะเป็นภาพซ้อนทับกับแอนิเมชันระดับตำนานอย่าง ‘The Little Mermaid’ เพราะว่าด้วยสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลที่ได้ขึ้นมาเมืองมนุษย์เพื่อออกล่าตามหาความฝัน เพียงแต่คราวนี้เปลี่ยนจากเงือกมาเป็นสัตว์ประหลาดจากท้องทะเล โดยหนังจะไปโฟกัสที่ตัวละครเจ้าของชื่อเรื่องอย่างลูก้า (เจคอบ เทรมบลีย์ – Jacob Tremblay) ที่ถูกพ่อและแม่ฟูมฟักอย่างกับไข่ในหินสั่งห้ามไม่ให้โผล่พ้นน้ำไปเมืองมนุษย์ที่มีแต่คนใจร้ายจ้องจะฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างพวกเขา
แต่ตามฟอร์มว่าเจ้าหนูลูก้าก็จะต้อง “ใจเกเร” เป็นธรรมดายิ่งพอได้มาเจอกับ อัลเบอร์โต (แจ็ก ดีแลน เกรเซอร์ -Jack Dylan Grazer) สหายสัตว์ประหลาดลูกกำพร้าที่พาลูก้าออกเดินทางไปยังเมืองมนุษย์อย่าง ปอร์โตรอสโซ (Portorosso) เพื่อให้ได้ขี่มอเตอร์ไซค์เวสป้าสักครั้ง และทางเดียวที่ฝันจะเป็นจริงคือต้องแข่งขันไตรกีฬาสุดโหดร่วมกับจิวเลีย (เอมมา เบอร์แมน – Emma Berman) ลูกสาวชาวประมง
โดยพวกเขาต้องต่อกรกับ เออร์โคล (ซาเวอริโอ ไรมอนโด – Saverio RaImondO) นักปั่นแชมป์เก่าจอมบูลลีและต้องคอยหลบสายตาของเหล่่ามนุษย์ที่มองพวกเขาไม่ต่างจากอสูรกาย ในขณะที่แดเนียลา (มายา รูดอล์ฟ – Maya Rudolph) กับ ลอเรนโซ (จิม กาฟฟิแกน – Jim Gaffigan) ก็เฝ้าตามหาลูกชายอย่างลูกาอย่างไม่ลดละ
นอกเหนือจากพลอตเรื่องที่เหมือนเอา ‘Finding Nemo’ มาผสมโรงกับ ‘The Little Mermaid’ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เรายังต้องชื่นชมพิกซาร์ (Pixar) ไม่น้อยที่คราวนี้กล้าหยิบประเด็นของแสลงอย่างการใส่ความสัมพันธ์ที่แทนภาพ LGBTQ เจือลงไปในความสัมพันธ์ของลูกากับอัลเบอร์โต แม้หนังจะไม่ได้บอกตรง ๆ แต่การกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มในช่วงวัยเริ่มแตกพานเองก็มีเหตุผลด้านจิตวิทยารองรับสำหรับช่วงค้นหารสนิยมทางเพศตัวเองได้เป็นอย่างดี
ยิ่งสถานการณ์ในหนังถูกเซ็ตให้อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดก็ยิ่งทำให้ภาพของการต่อสู้เพื่อการยอมรับของ LGBTQ ดูเด่นชัดขึ้นรวมถึงฉากชวนช็อกที่อาจทำให้คนดูถึงกับใจหายใจคว่ำในช่วงวิกฤติของเรื่อง (Crisis) ก็ยิ่งทำให้บทภาพยนตร์ของ ‘Luca’ สำรวจเรื่องการยอมรับใน LGBTQ ทั้งในระดับมหภาคอย่างสังคมรวมไปถึงปัจเจกบุคคลได้อย่างสมบูรณ์พร้อมทีเดียว.
และไม่กล่าวถึงไม่ได้คือฉากหลังของเรื่องที่เป็นเมืองปอร์โตรอสโซอันแสนสวยงามและวัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนที่ ‘Luca’ เสิร์ฟเราได้อย่างอร่อยตลอดทั้งเรื่องทั้งการพาเราไปชมวิวทิวทัศน์เมืองทะเลโอบล้อมด้วยภูเขาหรือจะเป็นตึกรามบ้านช่องสีสันสดใสและวัฒนธรรมการกินการใช้ชีวิตอาชีพชาวประมงซึ่งก็ถือว่าคาซาโรซาในฐานะผู้กำกับและเขียนบทได้ถ่ายทอดความเป็นอิตาลีได้อย่างลึกซึ้งและน่าตื่นตาตื่นใจจนทำให้ ‘Luca’ ขึ้นแท่นเป็นแอนิเมชันที่น่าประทับใจของพิกซาร์อีกเรื่องได้อย่างไร้ข้อกังขา