รีวิว Monster หนังที่ได้รับเลือกไปฉายเทศกาลภาพยนต์ Sundance เมื่อปี 2018 จนได้มาลง Netflix แล้วตอนนี้ กับเรื่องราวของเด็กหนุ่มสีผิวอนาคตไกล ที่ชีวิตเปลี่ยนไปแบบพลิกผันเมื่อเขาถูกจับไปขึ้นศาลในคดีฆ่าคนตาย กลายเป็นการต่อสู้ในชั้นศาลที่สะท้อนมุมมองของกฏหมายในอเมริกา และค่าชีวิตความเป็นคนของเด็กผิวสีคนหนึ่ง
สตีฟ ฮาร์มอน เด็กหนุ่มผิวสีวัย 17 ปี เรียนโรงเรียนชั้นนำของเมือง อยู่ในชมรมภาพยนต์ของโรงเรียน ครอบครัวดี มีพ่อเป็นจิตกร อนาคตสดใสอย่างมาก แต่แล้วทั้งหมดก็พังทลายลงในพริบตาเมื่อเขาได้ถูกจับจนไปอยู่หลังลูกกรงในข้อหาฆ่าคนตายร่วมกับผู้อื่น เราจะค่อยๆ ได้รับรู้เรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่ต้น จนกลายเป็นการต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง แล้วเรื่องราวของคดีทั้งหมด เขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริงไหม หรือเขาเป็นเพียงแค่เด็กที่ถูกยัดข้อหาเพราะสีผิวของเขากันล่ะ?
แม้ว่าพล็อตเรื่องจะดูธรรมดา แต่ด้วยความเป็นหนังที่ได้รับเลือกไปฉายในเทศกาลภายนต์ จังหวะการเล่าเรื่องต่างๆ มันจึงออกมาดีมาก ทำให้เรื่องราวออกมาน่าสนใจ รวมไปถึงนำเสนอมุมมองที่ต่างกัน แม้จะเป็นเหตุการณ์เดียวกันก็ตาม
ตัวเรื่องจะค่อยๆ เฉลยทีละนิด ละหน่อย สลับไปมาระหว่างชีวิตของเด็กหนุ่มอนาคตรุ่ง กับตอนที่เขาอยู่ในคุก กำลังปรึกษาทนายว่าจะสู้คดีอย่างไร มันเลยลุ้นว่าเรื่องราวที่แท้จริงที่มันเกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมคนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ถึงได้ถูกจับยัดคุก
อีกพาร์ทของเรื่องจะเป็นการต่อสู้ในชั้นศาล ตัดสลับกับเหตุการณ์ของเรื่องราว พยานคนต่างๆ หรือคณะลูกขุน ที่พร้อมจะชี้เด็กหนุ่มคนนี้ว่าผิด เพียงเพราะสีผิวของเขา และเขาคงเหมือนกับคนอื่นๆ โดยการว่าความก็จะมีทั้งทนายฝ่ายจำเลยที่ทำทุกวิถีทาง ปกป้องอนาคตเด็กหนุ่มคนนี้ แม้จะต้องสู้กับอัยการที่มีฝีปาก พร้อมติดสินบน พยายามทุกวิถีทางให้ตัวเองชนะ แม้ว่าจำเลยอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วสรุปว่าตัวสตีฟเอง เป็นผู้บริสุทธิ์หรือเปล่า มันเลยเป็นคำถามชวนให้เราสงสัยในเรื่องอยู่ตลอด ซึ่งจะเฉลยในตอนท้าย พร้อมกับบทสรุปคดีที่เป็นฉากธรรมดาๆ แต่ชวนลุ้นและสนุกมาก
หนังเรื่องนี้มันสะท้อนถึงเรื่องกฏหมายของอเมริกาที่ตัดสินคดีโดยคณะลูกขุน คนเกี่ยวข้องในคดี ต่างฝ่ายต่างงัดทุกอย่างมาสู้กันเพื่อให้ฝั่งตัวเองชนะโดยไม่สนถึงความถูกต้อง พยายามเอาใจคณะลูกขุนให้ตัดสินคดี คนที่พร้อมจะตัดสินให้คนๆ หนึ่ง มีความผิดเพียงแค่สีผิวของพวกเขา และนอกจากนี้มันยังสะท้อนเรื่องราวของย่านเสื่อมโทรม พวกแก๊งค์ต่างๆ จนถึงอาชญากรรมที่เป็นเรื่องราวหลักในเรื่อง