ตอนที่ได้ดูตัวอย่างแล้วเห็นเคียร่า ไนต์ลีย์ ที่พยายามแฉกลโกง ความไม่โปร่งใสของรัฐบาล ด้วยการเผยแพร่เอกสารลับผ่านหนังสือพิมพ์ ด้วยพลอตแบบนี้ก็ต้องทำให้นึกถึงหนังรุ่นพี่ก่อนหน้าอย่าง The Post (2017) และ Spotlight (2015) ทำให้คาดว่า Official Secrets ก็น่าจะมาในอารมณ์เดียวกัน หนังที่เดินหน้าด้วยบทสนทนาเป็นหลักบนบรรยากาศการเมืองที่เครียด ตัวละครเยอะมาก และเนื้อหาซับซ้อน แต่กลับกลายเป็นว่าหนังออกมาบันเทิงเกินคาดมาก อารมณ์ต่างจาก 2 เรื่องก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง หนังดูง่ายกว่ามาก บทหนังสอดแทรกสถานการณ์คับขัน ชวนระทึกได้ตลอดทาง มีมุกตลกแซมเล็กน้อย ด้วยหน้าหนังที่นำเสนอภาพลักษณ์ดูตึงเครียด
เป็นหนังการเมืองจ๋าแบบนี้ ก็จะทำให้คนดูเลือกที่จะมองผ่าน Official Secrets กันไป แล้วก็จะพลาดหนังที่เพียบพร้อมด้วยสาระและบันเทิง แถมด้วยการแสดงอย่างน่าชื่นชมของเคียร่า ไนต์ลีย์ ในแบบที่เราไม่เคยเห็นกันมานานแล้วด้วย
Official Secrets เป็นหนังอีกเรื่องที่อิงเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงของ แคทเธอรีน กัน ที่เป็นข่าวดังเมื่อปี 2003 เธอเป็นเจ้าหน้าที่ใน “สำนักงานใหญ่การสื่อสารของรัฐบาล” Government Communications Headquarters (GCHQ) ด้วยเหตุที่เธอเชี่ยวชาญภาษาจีนกลางจึงได้ทำหน้าที่ถอดเทป แปลภาษาจีน ดักฟังบทสนทนาและอีเมลในภาษาจีน สอดส่องเนื้อความที่อาจเป็นภัยต่อสหราชอาณาจักร เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์คุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯ กับอิรัก ที่สหรัฐฯ อยากจะเปิดฉากโจมตีอิรักแต่ยังไม่ได้ไฟเขียวจากสหประชาชาติ แล้ววันหนึ่งแคทเธอรีนก็ได้รับอีเมลที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนใน GCHQ เป็นอีเมล “ลับสุดยอด”
ที่ส่งมาจาก สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ NSA เป็นการขอความร่วมมือจากอังกฤษ ให้ส่งมอบหลักฐานและบันทึกที่เป็นประโยชน์ ที่ Nsa จะเอาไปแบล็กเมล บีบบังคับให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงคะแนนเสียงให้สหรัฐฯ โจมตีอิรักได้
แคทเธอรีน เห็นเนื้อความอีเมลฉบับนี้แล้วรู้สึกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษ กำลังเล่นกลโกงตบตาประชาชนและคนทั้งโลกอยู่เพื่อการก่อสงคราม จึงตัดสินใจนำอีเมลฉบับนี้ส่งต่อไปให้เพื่อนเก่า ซึ่งไปจบลงที่หนังสือพิมพ์ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์ แล้วกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ ดังไปทั่วโลก เมื่อข้อมูลลับสุดยอดภายในรัฐบาลรั่วไหลออกไปภายนอก ก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ในสำนักงานต้องถูกเพ่งเล็ง แคทเธอรีน
เลือกที่จะเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้กระทำ ทำให้เธอได้รับบทลงโทษที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตเธออย่างมาก ก่อนจะลงเอยด้วยการที่แคทเธอรีนแต่งตั้งทนายฝีมือดีมาต่อสู้คดีในชั้นศาลกับอัยการของทางรัฐ
ใช่ที่ว่าพลอตหลักของหนังเป็นเรื่องการตีแผ่เบื้องลึกเบื้องหลังอันฉ้อฉลของรัฐบาลออกสื่อ แต่เรื่องราวส่วนนี้อยู่แค่เพียงองก์แรกของหนังเท่านั้น เพราะเรื่องราวที่เล่าต่อจากนั้นกลับเต็มไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ที่เดินหน้าไปอย่างเข้มข้นและน่าตื่นเต้น ทั้งทางฝั่งทีมงานหนังสือพิมพ์และ ตัวแคทเธอรีนเอง ทางทีมงานหนังสือพิมพ์ก็พยายามสืบค้นหาต้นตอของอีเมลนี้เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องราวจริงก่อนที่จะตีพิมพ์ ซึ่งก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ซ้ำตีพิมพ์ไปแล้วก็ยังต้องรับมือกับกระแสสังคมที่ถาโถมเข้ามา แล้วยังต้องต่อสู้กับรัฐอเมริกันที่โจมตีว่าเนื้ออีเมลที่ ดิ ออบเซิร์ฟเวอร์ นำมาตีพิมพ์นั้นเป็นของปลอม ประเด็นที่ทางอเมริกันนำมาโต้แย้งนี้ เป็นมุมที่ฉลาด ละเอียดในแบบที่เรานึกไม่ถึงจริง ๆ เล่าไม่ได้อยากให้ไปดูเอง