หนังเรื่องนี้ดูเพลินเกินคาดครับ ตอนแรกนึกว่าจะทำออกมาฝืดๆ เรื่อยๆ แต่ไปๆ มาๆ หนังทำได้อร่อยพอตัว มีครบเครื่องทั้งความฮาแบบดาร์กๆ และความโหดแบบเลือดสาดขาดกระจาย
เรื่องของ โคล (Judah Lewis) หนุ่มน้อยที่พ่อแม่มักจะมองว่าเขายังเป็นเด็ก และนั่นก็เลยทำให้เขายังมีความเป็นเด็กอยู่จริงๆ เขายังไม่กล้าเผชิญกับอะไรอีกหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะพวกอันธพาลตัวกวน, การหัดขับรถ รวมถึงเข็มฉีดยาด้วย
แต่เขาก็ยังอุ่นใจเสมอยามได้อยู่ใกล้ บี (Samara Weaving) พี่เลี้ยงสุดสวยของเขา ว่าตามจริงโคลก็แอบชอบบีน่ะครับ เพราะเธอเข้าใจเขาและยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น แต่แล้วทุกอย่างก็กำลังจะเปลี่ยนไปในค่ำคืนหนึ่ง…
ปรากฏว่าโคลตื่นมาแอบดูว่าพี่เลี้ยงของเขาทำอะไรตอนเขาหลับแล้ว ก่อนจะพบว่าเธอเป็นพวกบูชาซาตาน และได้ก่อการโหดทำพิธีบูชายัญในบ้านของเขาอีกต่างหาก งานนี้โคลเลยต้องหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้
หนังสนุกกว่าที่คิดครับ การเดินเรื่องถือว่าไวใช้ได้ และเนื้อเรื่องแม้จะคาดเดาได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ลีลาการเล่ามันออกรสดี ซึ่งก็ยกความดีให้กับ McG (Charlie’s Angels ทั้ง 2 ภาค และ Terminator Salvation) ครับ เขาทำหน้าที่กำกับเอง และทำมันได้โอเคซะด้วย
มันเป็นหนังแนวตลกร้ายน่ะครับ เหตุการณ์ในเรื่องก็เป็นทีเล่นทีจริง คือโดยหลักมันดูจริงจังนั่นแหละ แต่ก็มีการแทรกอะไรขำๆ บ้าๆ ลงไปอย่างพอเหมาะ ซึ่งถือว่าหนังทำได้พอดีครับ เพราะหนังทำนองนี้หลายๆ เรื่องหากเทไปทางเล่นหรือทางจริงมากเกินไป ความกลมกล่อมก็จะหายไปทันที
ตอนต้นหนังก็ปูพื้นความสัมพันธ์ของโคลและบีได้ดีครับ ดูแล้วเชื่อว่าโคลรักบีและบูชาบีแค่ไหน ครั้นพอถึงตอนโคลพบความจริง โทนหนังก็ผสมกันระหว่างโหดแบบเลือดสาดกับขำแบบเสียดสีได้แบบกำลังดี
มันเลยทำให้หนังดูเพลินครับ มีอะไรฮาๆ และโหดๆ แทรกอยู่ตลอด แม้จะพอเดาได้ว่าเรื่องจะจบยังไง แต่คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ทำให้เราสนุกที่จะจับจ้องดูเรื่องราวต่อไป เพราะทุกตัวละครมีคาแรคเตอร์ของตนเองทั้งนั้น โดยเฉพาะเพื่อนๆ ของบีที่มีสไตล์โหด (และบ้า) แบบเฉพาะตัวอย่างน่าจดจำ
ไปๆ มาๆ นี่กลายเป็นหนัง Coming of Age ด้วยครับ เพราะโคลก็ได้เติบโตผ่านเรื่องราวครั้งนี้ เพียงแต่มันอาจเป็นการเติบโตที่โหดมากสักหน่อย แต่แม้มันจะโหดแค่ไหนหนังก็ยังไม่ถึงกับ “ล้ำเส้น” จนบั่นทอนความสนุกลงไป
ประเด็นหนึ่งที่ผมชอบก็คือ การที่โคลเติบโตขึ้น กล้าทำอะไรมากขึ้น ที่สำคัญคือทำมันด้วยตนเอง ลงมือด้วยตนเองเป็นหลัก ในขณะที่บีก็เป็นภาพสะท้อนของคนที่พยายามพึ่งไสยศาสตร์ ซาตาน หรือเรื่องเหนือธรรมชาติน่ะครับ ในแง่หนึ่งมันก็สะท้อนถึงความ “ไม่มั่นใจในตนเอง” ได้ไม่น้อย
เรามักจะบอกว่าของแบบนี้เชื่อไว้ไม่เสียหาย มีเครื่องราง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เสริมพลังใจ ซึ่งมันก็อาจสมเหตุผลในทางหนึ่งครับ มันก็ดีที่เรามีอะไรให้ยึดเหนี่ยว แต่มันคงดีกว่ามากหากเราทำอะไรด้วยพลังความเชื่อมั่นของตนเป็นหลัก โดยมีสิ่งภายนอกเป็นรอง (อัตตาหิ อัตโน นาโถ – ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ)